Daily Archives: Jul 5, 2013

สำนักงานควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา เผยอีสานใต้ป่วยโรคมือเท้าปาก 1,435 ราย

นพ.ธีรวัฒน์  วลัยเสถียร  ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึงปัจจุบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ มีผู้ที่ป่วยเป็นโรค มือเท้าปาก รวมทั้งสิ้น 1435 คน แยกเป็น จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 825 คน  จ.ชัยภูมิ พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 238 คน  จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วนทั้งสิ้น 153 คน และจ.สุรินทร์ พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 219 คน ยังไม่มีจำนวนผู้เสียชีวิต โดยทั่วไปจะถือว่าโรคปาก มือ และเท้าเปื่อยนี้เป็นโรคที่ค่อนข้างจะไม่รุนแรงคือมักจะหายเป็นปกติได้เอง ภายในเวลา 4-5 วัน แต่หากเกิดอาการแทรกซ้อนทางสมอง หัวใจ และปอด อาจจะทำให้มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ด้านนาย ธนพล  เนียมสูงเนิน  รองผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองนครราชสีมา กล่าวว่า  ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่ามีเด็กนักเรียนในอาคารการเรียนการสอนเด็กพิเศษ ป่วยเป็นโรคมมือเท้าปาก หลังจากที่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ได้พาไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงทราบว่าป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก จึงรายงานให้นายปฏิพันธ์  ทองเทียนวิเศษ  ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองนคราชสีมา และได้สั่งการให้คณะครูที่ดูแลอาคารเรียนดังกล่าว ได้ทำการปิดการเรียนการสอน ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.ค.56 ที่ผ่านมา และให้ทำความสะอาดภาชนะเครื่องใช้ของเด็กนักเรียนต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปาก และทางโรงเรียนจะเปิดทำการเรียนในอาคารสอนในอาคารเด็กพิเศษในวันจันทร์ที่ 8 ก.ค.56 นี้  นายธนพลฯกล่าว

สำหรับการป้องกันเนื่องจากเชื้อไวรัส ชนิดนี้สามารถพบได้ในน้ำลาย, น้ำมูก ของผู้ป่วยที่มีอาการหวัด และอุจจาระ โดยเฉพาะในรายที่มีอาการท้องเสีย จึงทำให้สามารถแพร่กระจาย ทั้งโดยทางการหายใจ  และทางปากให้แก่คนรอบข้างที่มาสัมผัสได้ และผู้ใหญ่เองก็สามารถเป็นพาหะ ช่วยแพร่เชื้อนี้ได้แม้ว่าจะไม่ได้มีอาการป่วยชัดเจนเหมือนในเด็ก จึงควรหมั่นล้างมือให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในคนหมู่มาก รวมทั้งการรักษาสุขอนามัยในการทานอาหาร เช่น การใช้ช้อนกลาง การไม่ใช้ภาชนะอื่นๆร่วมกัน  นายแพทย์ธีรวัฒน์ฯกล่าว

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

การดูแลรักษาใบหน้าของท่านหลังจากเข้ารับบริการฉีดโบท๊อก

เนื่องจากการฉีดโบท๊อกมีผลทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อฝ่อตายแต่อย่างใด ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงอย่างเช่น อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ คันคันบริเวณที่ฉีด หรือบางรายหนังตาตก แต่พบได้น้อยมาก โดยเฉพาะหากฉีดในปริมาณน้อยๆ เพื่อการปรับรูปหน้าและอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง การฉีดโบท๊อกปลอดภัยไม่ต้องรอจนรอยเหี่ยวย่นถามหา แค่ปรับรูปหน้านิดหน่อยคุณก็ดูดีขึ้นได้ สำหรับการดูแลหลังรับบริการฉีดโบท๊อก ห้ามนอนราบ 3 ชม. หลังทำ

เนื่องจากตัวยาอาจกระจายออกนอกตำแหน่งที่ฉีดโบท๊อกปลอดภัย ทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพที่ต้องการ ห้ามนวดบริเวณที่ฉีด เพราะทำให้ยากระจายตัวไปที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาได้ ทำการขยับกล้ามเนื้อที่ฉีดทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น

ถ้าหากมีรอยช้ำหลังฉีด ประคบเย็นที่บ้านต่อ ไม่ให้นวดหรือประคบอุ่น และงดทานยาจำพวกแอสไพริน วิตามินอี สมุนไพรร้อน เช่น แปะก๊วย โสม 2-3 วัน เพื่อลดรอยช้ำหลังฉีด โดยควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 อาทิตย์แรกซึ่งอาจจะมีผลทำให้โบท๊อกออกฤทธิ์ได้ไม่ดี หรืออาจแย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ทำให้เกิดริ้วรอยแผลบริเวณตำแหน่งที่ฉีดโบท๊อก

ซึ่งช่วงเดือนแรกงดเว้นการนวดหน้าแรงๆ สำหรับผู้ที่ฉีดโบท๊อกปลอดภัยควรงดเว้นการเคี้ยวหมากฝรั่งเนื่องจากจะทำให้การฉีดไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร และกลับมาพบแพทย์ครั้งต่อไปอีก 1 อาทิตย์ หรือถ้าฉีดแล้วพบแพทย์ครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์หลังจากวันที่ฉีด หรือหากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิกปกติอย่างใด สามารถกลับมาพบแพทย์ได้ทันที